หน้าเว็บ

คลังบทความ ^^

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

10 ตุ๊กตายอดนิยมของสาว ๆ

10 ตุ๊กตายอดนิยมของสาว ๆ

Barbie Go Red For Women Doll      



1. Barbie

        บุคคลที่เป็นผู้คิดค้นตุ๊กตา 'บาร์บี้' มีชื่อว่า 'รูธ แฮนเลอร์' ประธานบริษัทเมดเทล ผู้จัดจำหน่ายของเล่นชื่อดังแห่งแดนลุงแซม เจ้าของลิขสิทธิ์ตุ๊กตา 'บาร์บี้' นั่นเอง 'แฮนเลอร์' ได้รับแรงบัลดาลใที่จะประดิษฐ์ตุ๊กตาบาร์บี้ หลังจากเธอสังเกตเห็นว่า 'บาร์บารา' ลูกสาวของเธอชอบเล่นตุ๊กตากระดาษที่มีลักษณะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่เป็นเด็ก จึงทำให้เธอเกิดไอเดียขึ้นมาว่าอยากจะผลิตตุ๊กตาพลาสติกที่มีรูปโฉมเป็นผู้ใหญ่ออกวางขาย ทว่าในตอนแรกคนรอบกายของเธอไม่เห็นด้วย

        ต่อมาเมื่อ 'แฮนเลอร์' มีฮดกาสได้เดินทางไปท่องเที่ยวในยุโรปในปี 1956 เธอก็ไปสะดุดตากันตุ๊กตา 'ไบลด์ ลิลลี่' ของเยอรมนี (ตุ๊กตารูปหญิงสาววัยทำงานที่วางจำหน่ายครั้งแรกในเยอรมนีปี 1955 โดยเป้าหมายทางการตลาดในตอนแรกต้องการเจาะกลุ่มผู้ใหญ่ แต่กลับได้รับความนิยมในหมู่เด็กๆ มากกว่า) ซึ่งวางขายอยู่ในร้านขายของของสวิตเซอร์แลนด์ และได้ซื้อกลับบ้านมา 3 ตัว โดยที่ตัวหนึ่งให้ลูกสาว ส่วนที่เหลือนำมาเป็นต้นแบในการผลิตตุ๊กตา 'บาร์บี้'

        จากนั้น 'แฮนเลอร์' ก็ได้ดัดแปลงเปลี่ยนโฉมตุ๊กตาลิลลี่ใหม่หมด พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่า 'บาร์บี้' ตามชื่อลูกสาวเธอ ก่อนที่จะนำไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานมหกรรมของเล่นของมหานครนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 1959 ซึ่งถือเป็นวันเกิดของ 'บาร์บี้' ด้วย นับนิ้วดูตอนนี้ 'บาร์บี้' อายุ 50 ปีแล้ว และเพิ่งจัดงานฉลองอย่างยิ่งใหญ่ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้






2. Teddy Bear
        'เท็ดดี้แบร์' นั้นเป็นหมีน้อยน่ารักน่ากอด ที่คาดว่าสาว ๆ น่าจะมีเก็บไว้บนเตียงนะคะ โดยเรื่องเล่าเกี่ยวกับต้นกำเนิดของ 'เท็ดดี้แบร์' จาก 2 แหล่งคือเยอรมนี และสหรัฐอเมริกา ในเวลาที่ใกล้เคียงกัน คือประมาณปี ค.ศ. 1902 โดยเรื่องเล่าของชาวเยอรมันนั้นก็คือ ในปี ค.ศ. 1902 'Richard Steif' ซึงเป็นนักออกแบบของเล่นของโรงงานทำของเล่นของครอบครัวเขาเอง ได้เดินทางไปดูการแสดงละครสัตว์ที่อเมริกาเพื่อหาไอเดียในการออกแบบของเล่นชิ้นใหม่ และเขาก็เกิดความคิดในการนำเอาหมีในคณะละครสัตว์มาเป็นแบบในการผลิตตุ๊กตาหมี ตุ๊กตาหมีที่เขาออกแบบจะมีข้อต่อตามจุดต่าง ๆ ได้แก่ คอ แขน และขา ทำให้เราสามารถเปลี่ยนอิริยาบถของมันได้เหมือนหมีจริง ซึ่งต่างจากตุ๊กตาหมีที่มีอยู่ในขณะนั้น

        หลังจากนั้น 'Richard Steif' ได้นำตุ๊กตาหมีที่เขาออกแบบไปแสดงในงานแสดงสินค้าที่ Leipzig ในปี ค.ศ. 1903 แต่เขาก็ต้องผิดหวังที่ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจตุ๊กตาหมีของเขาเลย จนกระทั่งในขณะที่เขากำลังเก็บของในวันสุดท้ายของงานแสดงสินค้า ผู้ชมงานชาวอเมริกันคนหนึ่งได้เข้ามาหยิบดูตุ๊กตาหมีของเขา และสั่งซื้อในปริมาณมาก และนี่คือต้นกำเนิดที่ทำให้ตุ๊กตาหมีที่เขาอกแบบแพร่หลายไปยังประเทศอื่น ๆ ค่ะ




        
   



3. Hello Kity

        'คิตตี้' นั้นเกิดในปี ค.ศ. 1974 อกกแบบโดย Ms. Shimizu Yuuko' ชื่อของ 'คิตตี้' นั้นมากจากชื่อแมวในเรื่อง 'Through the Looking-Glass: And What Alice Found There' ซึ่งเป็นหนังสือในซีร่ีส์เรื่อง 'อลิสในดินแดนมหัศจรรย์' ตัวการ์ตูน 'คิตตี้' จะเป็นแนวเส้นเรียบๆ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจาก 'สนูปปี้' ซึ่งเป็นที่รู้จักันดีในสมัยนั้น แต่สนูปปี้เป็นเด็กผู้ชายที่ซุกซน เธอเลยตั้งใจออกแบบให้ 'คิตตี้' เป็นเด็กผู้หญิงที่เงียบๆ เรียบร้อยแทน ถึงไม่พูดอะไรแต่สามารถสื่อสารถึงอารมณ์ได้ ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนรัก 'คิตตี้' เนื่องจากหน้าตา 'คิตตี้' ไม่แสดงถึงอารมณ์ใดๆ ทำให้เจ้าของสามารถจินตนาการได้ด้วยตัวเอง พอรู้สึกร่าเริงก็รู้สึกว่ามันยิ้มไปกับเรา แต่พอรู้สึกเศร้าก็จะเห็นว่ามันเศร้าไปด้วยทำให้เกิดความผูกพันรู้สึกว่าอยู่กับ 'คิตตี้' แล้วอบอุ่น และเป็นตุ๊กตาที่ใครๆ ก็หลงรักค่ะ




blythe3.jpg image by femmemy




4. Blythe
        'น้องบลายธ์' ตุ๊กตาตาโตสุดเปรี้ยวที่ตอนนี้กำลังฮิตระเบิดระเบ้อในบ้านเรานั้น มีประวัติดังนี้ค่ะ โดย 'Blythe' อ่านออกเสียงว่า 'Blahyth' หรือ 'Blind' (บลายธ์) เธอคือตุ๊กตาวินเทจเจ้าเสน่ห์ที่ถูกออกแบบให้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2515 (ค.ศ.1972) โดยโรงงานผลิตของเล่นในสหรัฐอเมริกานามว่า 'เค็นเนอร์' (Kenner) ค่ะ ซึ่งสาว 'Blythe' ปรากฏตัวครั้งแรกพร้อมกับทรงผมยอดฮิตในยุค 70s ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี 4 แบบ พร้อมด้วยแฟชั่นเครื่องแต่งกายสไตล์วินเทจที่มีให้ Mix & Match กว่า 12 ชุด โมเดลตุ๊กตาทั้ง 4 แบบ ชื่อ 'Blythe', 'Karess', 'Willow' และ 'Skye' จึงถูกคิดค้นขึ้นมา แต่ด้วยความที่อยากให้ตุ๊กตา Blythe ล้ำยุคและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร รูปลักษณ์ภายนอกของสาวบลายธ์จึงถูกออกแบบขึ้นมาอย่างโดดเด่น หัวโต ตัวผอม ความสูง 11.5 นิ้ว มีดวงตากลมโตเท่าไข่ห่านที่หลับได้เปิดได้ แถมเวลาเปิดเปลือกตาแต่ละครั้ง เธอสามารถเปลี่ยนสีดวงตาได้ถึง 4 สี คือ เขียว, ชมพู, ส้ม และน้ำเงิน

        หลังจากที่ 'Hasbro' (ผู้สืบทอดกิจการจาก 'Kenner') ได้มอบลิขสิทธิ์การผลิตตุ๊กตาให้กับบริษัท Takara ประเทศญี่ปุ่น 'Blythe' ก็เริ่มเป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่น จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณา TV ให้กับห้างสรพสินค้าชื่อดังอย่าง Parco และเพียงชั่วข้ามคืนมันก็กลายเป็นตุ๊กตายอดนิยมที่มีราคาสูง บางตัวเหยีบแสนก็มีค่ะ








  5. ตุ๊กตาริกะจัง
   
        'ริกะจัง' (ชื่อเต็มคือ 'ริกะ คายามะ') เป็นตุ๊กตาเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ตัวแรกของญี่ปุ่น ผลิตครั้งแรกในวันท่ 4 เดือนกรกฎาคม 1967 (พ.ศ. 2510) จัดทำและจำหน่ายโดยบริษท Takara โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากตุ๊กตาบาร์บี้ โดยมีรูปร่างและขนาดเล็กกว่าบาร์บี้ เพราะต้องการทำให้เป็นเด็กผู้หญิงญี่ปุ่นวันย 11 ปี ปัจจุบัน 'ริกะจัง' มีการเปลี่ยนบอดี้และหน้าตามาแล้ว 4 รุ่น นอกจากนี้ก็ยังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบันอีกด้วย










  6. Pullip
    'Pullip' คือตุ๊กตาที่บริษัทเกาหลี Chunsang Chunha ออกแบบแลเะวางขายที่ตลาด JUN Planing ของญี่ปุ่น โดยเริ่มวางขายในปี 2003 และด้วยข้อแตกต่างของหัวขนาดใหญ่ของเธอ (เหมือนได้รับแรงบันดาลใจมาจากตุ๊กตา 'Blythe' ที่เป็นที่นิยม) และร่างกายที่เป็นข้อต่อ นอกจากนี้ 'Pullip' ยังมีกลไกตาที่มีเอกลักษณ์ที่ทำให้ตาของเธอขยับไปมา และการขยิบตาผ่านอุปกรณ์ควบคุมบนด้านหลังของหัว ตุ๊กตาแต่ละตัวมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และอุปกรณ์ประกอบต่างๆ แตกต่างกัน ซึ่งต่อมาก็มีการ์ดของแต่ละตัวและแท่นสำหรับให้ยืนให้ด้วยค่ะ












   
  7. ตุ๊กตา BJD (Ball-jointed doll)
        หรือที่ย่อมาจาก 'Ball-jointed doll' (BJD) แบ่งง่ายๆ เป็นรุ่นใหญ่ (สูงประมาณ 58 cm. ขึ้นไป) และรุ่นเล็ก (ต่ำกว่า 45 cm.) เป็นตุ๊กตาหน้าตาทันสมัย ที่ตอนนี้กำลังไต่ระดับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ



















  8. Lumi doll
           'Lumi doll' เป็นตุ๊กตาสัญชาติเกาหลี ผลิตโดยบริษัท Lati มีให้เลือกหลายรุ่น หลายแบบ หลายสไตล์ มีลักษณะเป็นตุ๊กตาแก้มป่อง ตากลมโต รูปร่างสมส่วน สีหน้าและแววตาแสดงความรู้สึกบ่งบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี สามารถตกแต่งได้ทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้า วิกผม รองเท้า และมีเครื่องประดับมากมายให้แต่งตัวตุ๊กตากันได้ไม่เบื่อ เช่น ถุงน่อง รองเท้า หมวก ก็ปรับเปลี่ยนตามแต่ใจเราต้องการ ที่สำคัญสามารถเปลี่ยนสีตาได้มากกว่า 1 สี

           ทั้งนี้ 'Lumi doll' ยังมีฝาแฝดอีกหนึ่งตัวคือ 'Lami doll' โดย 'Lami' และ 'Lumi' มีความแตกต่างกันที่ Lami จะดูออกแนวเข้มแข็งเป็นสาวสปอร์ตเกิร์ล ชอบออกกำลังกาย ดูเป็นสาวร่าเริงสดใส มีเพื่อนเยอะ ในขณะที่ 'Lumi' จะดูบุคลิกเป็นเด็กเงียบๆ เรียบร้อย หน้าตาอ่อนโยน รักสันโดษ ชอบของสวยงาม ออกแนวคุณหนู มีความสามารถทางด้านศิลปะ ชอบสะสมเครื่องประดับ เครื่องสำอาง และของสวยๆ งามๆ เห็นตัวนึงนี่เหยียบหมื่นกันเลยล่ะค่ะ














  9. Dream of Doll
        ตุ๊กตา 'Dream of doll' เป็นตุ๊กตาสุดเท่จากเกาหลีที่มีราคาสูงอยู่ไม่น้อย บางตัวเหยียบแสน ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ตุ๊กตาห้ามพลาดเด็ดขาดเลยจ้า
















 10. Super Dollfie'
     'Super Dollfie' หรือเรียกย่อๆ ว่า 'SD' โดยประวัติคร่าวๆ ของ 'SD' คือ เริ่มตั้งแต่ปี 1999 ซึ่งดังมากๆ ที่ญี่ปุ่น 'SD' เป็นลิขสิทธิ์ของ VOLKS.INC แต่เพียงผู้เดียว เมื่อผลิตออกมา 'Super Dollfie' เป็นที่นิยมมากเพราะมีใบหน้าที่น่ารักแบบการ์ตูน, รูปร่างถูกหลัก anatomy, คุณภาพสูง, สามารถเปลี่ยนวิกผม/ลูกตา, การแต่งหน้า, การเจาะในที่ต่างๆ เช่น หู หรือริมฝีปาก ทำให้เจ้าของสร้างตุ๊กตาที่มีลักษณะตามที่ต้องการได้ และความสนุกอยู่ที่เจ้าของจะตั้งชื่อ สร้างอุปนิสัย และดูแลตุ๊กตาเหล่านี้ราวกับเลี้ยงลูกเลยทีเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น