หน้าเว็บ

คลังบทความ ^^

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

บันทึกประจำวัน

บันทึกประจำวันอังคาร  วันที่ 18 เดือนกันยายน  พ.ศ.2555
           
          วันนี้ได้ใส่ชุดพละอีกแ้ล้ว.....ดีใจสุดๆ ^^ อาจเป็นเพราะว่าวันนี้ได้เรียนพละศึกษาน่ะแหล่ะ คาบนี้เราได้เล่นวอลเลย์บอลกันสนุกมากเลย และก็ร้อนมากเลยเหมือนกัน พอเรียนพละเสร็จก็มาเรียนคาบเสรีกัน แต่เสรีที่บิวเรียนครูเค้าปล่อยให้ทำงานอะไรก็ได้ที่ค้างอยู่ เพราะครูเค้าไม่มีอะไรจะสอนแล้วสำหรับภาคเรียนนี้ แล้วเราก็สอบปลายภาคไปแล้วด้วย สบายเลย ตั้ง 3 คาบแหน่ะ ก็เลยขึ้นมานั่งคัดศัพท์ภาษาจีนที่ห้องสมุด ....แอร์เย็นสบายมากเลย แล้วพอถึง 4 โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียน ปกติก็ไปรอรถรับส่งน่ะ แต่วันนี้พิเศษหน่อยต้องไปเรียนพิเศษ ก็เลยไม่ได้ไปรอรถ แต่ต้องมานั่งทำการบ้านรอเวลาให้ถึง 6 โมงเย็น แล้วก็ไปเรียนพิเศษกันกับเพื่อนๆอีก 6 คน ก็เรียนไปเรื่อยๆ จนถึง 1 ทุ่มครึ่ง พ่อก็มารับกลับบ้าน เฮ้อ....กว่าจะถึงบ้านก็ประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆ ก็รีบไปอาบน้ำแล้วมาทำการบ้านต่อ รวมทั้งอ่านหนังสือเรียนภาษาจีนด้วยเพราะพรุ่งนี้ก็จะต้องสอบปลายภาควิชาภาษาจีนละ วันนี้ก็เลยรีบเข้านอนเร็วกว่าปกติเพื่อที่ว่าพรุ่งนี้จะได้ตื่นขึ้นมาสมองปลอดโปร่งและจะได้ทำข้อสอบได้ สำหรับวันนี้ก็ไม่มีอะไรจะบรรยายละ บ๊ายบ่ายจ๊ะ ^^

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

บันทึกประจำวัน

บันทึกประจำวันอาทิตย์  ที่ 16 เดือนกันยายน  พ.ศ.2555 (ขอบันทึกย้อนหลังนะค๊าาา^^)

         วันนี้กะว่าจะตื่นเช้าๆมาทำการบ้าน แต่ที่ไหนได้ตื่นซะสายเลย ข้าวเช้ากับข้าวเที่ยงก็เลยไปกินพร้อมกัน ก็อย่างงี้แหล่ะ วันหยุดทีไรกินข้าวไม่ครบ 3 มื้อซักวัน พอกินข้าวเสร็จก็ขึ้นมาเปิดทีวีดู พร้อมกับทำการบ้านไปด้วย ก็ทำไปเรื่อยๆๆ จนกระทั่งเวลาบ่ายสามโมงกว่าๆ นึกขึ้นได้ว่า "ถุงเท้ายังไม่ได้ซัก" 555 ก็เลยรีบวิ่งลงไปซัก พอตากเสร็จพอดี๊พอดีก็มีลุงคนนึงเดินเข้าบ้านมาพร้อมกับเครื่องมืออะไรซักอย่าง ซึ่งมันคือเครื่องพ่นยาฆ่ายุง เหอะๆ กะว่าพอตากถุงเท้าเสร็จจะขึ้นมารีดผ้า เฮ้อ....แต่ก็ต้องเปลี่ยนแผน เพราะทั่วทั้งบ้านมีแต่ควันคละคลุ้งไปหมดเลย เหม็นอีกต่างหาก บ๊ะ!! ปั่นจักรยานเที่ยวก่อนละกัน อยากจะบอกว่าวิวสวยม๊ากกกก แต่ไม่มีรูปมาให้ดูก็กลัวว่าถ้าทุกคนเห็นแล้วจะอิจฉาน่ะ^^ พอกลับเข้าบ้านอีกทีก็ประมาณ 5 โมงเย็น แล้วก็ไปรีดผ้าตามที่คิดไว้  จากนั้นก็ทำการบ้าน กินข้าว อาบน้ำแล้วก็นอน

บันทึกประจำวัน

บันทึกประจำวันเสาร์  วันที่15 เดือนกันยายน พ.ศ.2555
          วันนี้วันเสาร์ เป็นวันที่ใครๆเค้าหยุดเรียนกันเพื่อพักผ่อน แต่คงไม่ใช่สำหรับนักเรียนลำปางกัลยาณีของเรา เพราะว่าวันนี้พวกเรามาเรียนกันตามปติโดยใช้ตารางเรียนของวันศุกร์ทบศุกร์ *ศุกร์ทบศุกร์คือ ใช้ตารางเรียนของวันศุกร์ในวันเสาร์ทั้งภาคเช้าและภาคบ่าย* (จะขยันอะไรขนาดนี้...น่ารักจริงๆเลย) และในเช้านี้ฝนก็ตกอีกอย่างเคย เกือบจะไม่มาแล้วแหล่ะแต่ติดอยู่ที่ว่าวันนี้มีสอบก็เลยต้องมา เวลาผ่านไปไวเหมือนขี๊จุ๊ จนถึงเลิกเรียน 4 โมงเย็นก็รีบเดินไปที่คิวรถเพื่อที่จะกลับบ้าน พอไปถึงก็เหลือรถคันสุดท้ายพอดีเลย ถ้าออกมาช้าอีกหน่อยนี่คงต้องได้เดินกลับบ้านละ 555 (ตั้ง50 กว่ากิโลแหน่ะ ใครจะเดินไหว) พอกลับถึงบ้านก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานั่งทำการบ้าน พอเสร็จก็ไป กินข้าว>> อาบน้ำ>>ดูทีวีแล้วก็เข้านอน 

บันทึกประจำวัน

บันทึกประจำวันศุกร์ ที่ 14 กันยายน 2555 (ขออนุญาตบันทึกย้อนหลังนะคะ ^^)

            วันนี้คงจะเป็นวันที่มีความสุข สมกับเป็นวันศุกร์ อืม.....จะว่าไปก็ใช่อยู่นะ แต่มันติดอยู่นิดนึงคือฝนมันดันตกตอนที่กำลังจะไปเรียนพิเศษน่ะ ตกหนักมากด้วย ทั้งฝนตกหนัก ฟ้าร้อง ฟ้าผ่าครบเซ็ตเลย (ใจเต้นตุ๊บๆๆ) พอฝนเริ่มซาลงก็เดินไปที่เรียนพิเศษกับเพื่อน (เพื่อนเล่าให้ฟังด้วยแหล่ะ ว่าเมื่อกี้ฟ้าผ่าแถวๆเสรี) ปกติแล้วบิวเลิกเรียนประมาณ 6 โมงเย็น พี่ชายบิวก็มารับกลับบ้านด้วยกัน แต่วันนี้พ่อพาพี่มาซื้อของก็เลยแวะรับบิวกลับด้วย สบายอ่ะนะไม่ต้องเปียกฝนวันนี้ก็เลยกลับถึงบ้านเร็วกว่าวันศุกร์ที่ผ่านมา......

บันทึกประจำวัน

บันทึกประจำวันพฤหัสบดี ที่ 13 กันยายน 2555 (ขออนุญาตบันทึกย้อนหลังนะจ๊ะ)

            วันนี้ก็คืออีกวันหนึ่งที่ต้องข่มตาให้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความงัวเงีย ก็เป็นเพราะว่าเมื่อคืนนอนดึกไงล่ะ 555 แล้ววันนี้ก็ถึงวันกำหนดส่งรายงานแล้วแหล่ะ ต้องส่งก่อนถึงคาบแรกด้วย แต่บิวก็ทำเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนละ เช้านี้ก็เลยนั่งดูเพื่อนๆนั่งทำกันอย่างแข็งขัน แต่พอบิวจะเอาไปส่งน่ะสิ ดันมีคนพูดออกมาว่าต้องขีดเส้นกั้นหน้าด้วยปากกาแดงทุกหน้า ซึ่งบิวก็ขีดแล้วนะแต่มันไม่ใช่ขีดด้วยปากกาแดงน่ะ ก็เลยต้องเอากลับมาขีดอย่างเร่งรีบสุดๆ (รีบจนขีดเส้นไม่ตรงเลย ถึงแม้ว่าจะขีดตามแนวไม้บรรทัดก็ตาม) เสร็จแล้วก็รีบวิ่งเอาไปส่ง พอถึงคาบเรียนครูเค้าก็บอกคะแนนสอบที่สอบไปครั้งล่าสุด (ลุ้นสุดๆเลยอ่ะนะ) แต่ก็โล่งใจได้เพราะบิวสอบผ่าน 555 จากนั้นก็เรียนต่อไป และก็เปลี่ยนไปคาบต่อไป อันที่จริงแล้ววันนี้ครูที่สอนภาษาจีนเค้านัดสอบเขียนศัพท์นะ แต่พวกเรามัวยุ่งกับการเขียนรายงาน เลยไม่มีใครจำคำศัพท์มาซักคน หัวหน้าก็เลยไปขอเลื่อนสอบ แล้วครูเค้าก็ช่วยสงเคราะห์ความต้องการให้พวกเราโดยเลื่อนไปสอบวันจันทร์แทน พวกเราดีใจกันยอใหญ่เลย วันนี้ก็เลยไม่มีอะไรให้ต้องคิดมากอีกแล้ว....สำหรับวันนี้ก็ขอจบการบันทึกไว้เพียงแค่นี้นะ บ๊ายบ่าย...

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

บันทึกประจำวัน


บันทึกประจำวันพุธ ที่ 12 เดือนกัยายน  พ.ศ.2555

      เฮ้อ...... วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความอ่อนล้า อันเนื่องมาจากว่า"เมื่อคืนการนอนดึก"
วันนี้ตั้งใจขัดรองเท้าใส่มาโรงเรียนอย่างมันวาบเลยทีเดียว แล้วก็ขึ้นรถมาโรงเรียนเหมือนอย่างเคย.........
พอถึงหน้าโรงเรียนก็เเวะซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งเข้ามากินในห้อง (555+ แหกกฎของโรงเรียนอีกแล้วอ่ะ) 
เมื่อเวลาผ่านไป....เสียงประกาศจากคณะกรรมการนักเรียนก็ดังขึ้น"ขณะนี้เวลา 7.45 น. ขอให้นักเรียนทุกคน มาเข้าแถวเคารพธงชาติบริเวณหน้าเสาร์ธงค่ะ" แต่วันนี้แดดแรงพอสมควร บิวและเพื่อนๆก็พากันไปเข้าแถวตามที่พี่เขาประกาศแบบสบายๆ แต่ทว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาฝนตกทำให้สนามแฉะ โอ่ยยยยย!! รองเท้าของฉัน(ลองนึกภาพตามดูนะ รองเท้านักเรียนที่บิวขัดมาอย่างมันวาบต้ัองมาเปอะเปื้อนโคลนที่สนามโรงเรียน อึ๋ยยยย)แต่มันก็ผ่านไปด้วยดี จากนั้นก็แยกย้านเข้าชั้นเรียนตามตาราง คาบแรกในวันนี้ฉันเรียนวิชาภาษาอังกฤษ ฟังพูด กับครูฝรั่ง ตอนนี้แล้วสินะที่บิวต้องออกไปสอบพูด ตื่นเต้นอีกแล้วล่ะ  แต่พอไปสอบจริงก็ไม่มีอะไร ชิลๆ สบายๆ 555+ หลังจากทุกๆคนสอบเสร็จครูเค้าก็ตัดเกรดกันสดๆเลยจ้าาาา เกรดที่ฉันได้คือเกรด 4 (หูยยยย เกรด 4 ตัวเเรก ดีใจจัง )แต่ทว่ามันมีเกรด 5 ด้วยล่ะ งงอ่ะดิ เพื่อนบิวได้เกรด 5 ด้วยแหล่ะ แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็อยู่ในระดับดีแล้วเราก็ไปเรียนวิชาต่อไป
     ภาคบ่าย....คาบเเรกเรียนวิชางานฝีมือ ก็ไม่มีอะไรพิเศษอ่ะนะขอไม่บรรยายละกัน ต่อด้วยวิชาคอมพิวเตอร์ วันนี้อาจารยูที่สอนเค้าไม่อยู่อ่ะ แต่ฝากงานไว้ให้ทำให้เสร็จ และงานนั้ก็คือบล็อกเกอร์นี่แหล่ะ พวกเราก็เลยเร่งทำกันจนเกือบเสร็จ (อิอิ ที่เหลือค่อยต่อวันพรุ่งนี้ และวันต่อๆไป) พอหมดคาบก็ไปเรียนวิชาภาษาจีนกับครูที่ปรึกษาที่แสนจะน่ารักที่ซู๊ดดดดด พอ 4 โมงเสียงออดดังขึ้นพวกเราก็กลับบ้านกัน  สำหรับวันนี้ขอจบการบันทึกไว้แคนี้ละกันนะ บ๊ายบ่ายยยยย^^

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

บันทึกประจำว้น


บันทึกประจำวันอังคาร ที่ 11 เดือนกัยายน  พ.ศ.2555 

     วันนี้เราได้ใส่ชุดพละมา (ชอบที่สุดในบรรดาชุดที่ต้องใส่มาโรงเรียน) วันนี้คาบแรกเราเรียนวิชาประวิติศาสตร์แต่ครูที่สอนเค้าไม่มา เลยพากันนั่งเขียนรายงานวิทยาศาสตร์กันอย่างขมีขมัน จากนั้ก็ไปเรียนคณิตศาสตร์ต่อด้วยวิชานาฏศิลป์ ในคาบนาฏศิลป์วันนี้ ครูเค้าให้สอบร้องเพลง"ร่ำเปิงลำปาง" กลุ่มของบิวพร้อมก่อนก็เลยได้สอบก่อน ก็ผ่านไปได้ดีอ่ะนะ (มันแน่อยู่แล้วแหล่ะ นั่งซ้อมกันเป็นอาทิตย์ 55) ปกติแล้ววันนี้เราจะได้พักทานข้าวกันในคาบ 4 คือเวลาประมาณ10 โมงกว่า แต่มันไม่เป็นแบบนั้นน่ะสิ พวกเราต้องไปเรียนเสริมวิชาพระพุทธศาสนาก่อน คาบนี้ก็เลยอด พอเรียนเสร็จนึกว่าจะได้ไปทานข้าวแต่ที่ไหนได้ เราต้องไปสอบวิชาสุขศึกษาต่ออีก (เฮ้อออ หิวจนตาลายละเนี่ย) สรุปแล้วคือ วันนี้พวกเราได้พักทานข้าวกันในคาบ 6 คือเวลาประมาณบ่ายโมง จากนั้นก็แยกย้ายกันไปเรียนวิชาเลือกเสรี วันนี้วิชาเลือกเสรีของบิวซึ่งเลือกวิชาภาษาจีนน่ะ ครูเค้านัดสอบพูดแนะนำตัว 20 ประโยคขึ้นไป แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา บิวมั่นใจว่าบิวทำได้ แล้วมันก็ทำได้จริงๆและผ่านไปด้วยดี พอ 4 โมงเย็นโรงเรียนเลิกแล้วก็กลับบ้าน วันนี้กลับถึงบ้านประมาณ 6 โมงแหน่ะ พอไปถึงก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมานั่งทำการบ้าน.......หนึ่งในนั้นก็ต้องเป็นรายงานวิทยาศาสตร์ 555 ก็นั่งทำ นอนทำไปเรื่อยๆ จนถึง 1 ทุ่มครึ่ง ก็ลุกไปอาบน้ำ แล้วก็มาทำต่อ คืนนี้เข้านอนดึกอ่ะ ประมาณ 5ทุ่มครึ่ง แต่การบ้านก็ยังไม่เสร็จอยู่ดีเพราะมันเยอะมาก กลัวว่าจะทำไม่ทันกำหนดส่ง (เดี๋ยวโดนตัดคะแนนอีก) สำหรับวันนี้ก็ขอจบการบันทึกเพียงเท่านี้ สวัสดีจ้า

ทายนิสัยจากวันเกิด ^^



วันจันทร์
จุดเด่น : อบอุ่น อ่อนโยน พูดจาดีมีหลักการ น่ารัก มนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม มีความเป็นผู้นำ โรแมนติก พิถี พิถันกับการกิน และยังเป็นคนที่เฮฮา อารมณ์ดี มี เพื่อนฝูงล้อมหน้าล้อมหลัง ขยันทำมาหากิน
จุดด้อย : นิสัยออกจะจุกจิกจู้จี้ ขี้บ่น พ่อคุณคนนี้ก็มีเหลือเฟือ เจ้าระเบียบเจ้ากี้เจ้าการ เจ้ายศเจ้าอย่าง ช่างติ เจ้าอารมณ์

วันอังคาร
จุดเด่น : ใจดีรอบคอบ มีบุคลิก ของผู้นำ เข้ม แข็งอดทน มุทะลุ บากบั่น มีความเพียรพยายาม มี เสน่ห์รอบตัว เพราะปากหวาน คารมโดนใจคนรอบข้าง
จุดด้อย : อารมณ์ร้อนวู่วาม หุนหันพลันแล่น ฉุน เฉียวง่ายขี้โมโห ปากไว ปากร้าย ใจกล้าใจนักเลง ไม่ค่อยเกรงกลัวใคร ชอบการต่อสู้ เจ้าชู้ หัวงู รักง่าย หน่ายเร็ว

วันพุธ
จุดเด่น : อ่อนหวานอ่อนโยน มารยาทยามพูดจา ไพเราะ ปัญญาดี ฉลาดปราดเปรื่อง อารมณ์สุขุม มี เมตตากรุณาอารี มีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม ใจดี ใจอ่อน ใจกว้าง

จุดด้อย : เวลาที่คนนี้อารมณ์ดีปากจะ หวานน้ำตาลเรียกพี่!! แต่ถ้าอารมณ์ร้ายเข้าสิงเค้าเมื่อ ไหร่ อย่าไปเข้าใกล้เค้าเชียว ขาดความเป็นผู้นำ ขาดความเป็นตัวของตัวเอง

วันพฤหัสบดี
จุดเด่น : ใจดี ใจเย็น ใจกว้าง รอบคอบ มีเหตุผล ระมัดระวัง พูดจาดี มีมารยาท ไม่ ชอบประจบสอพลอ และมักเจ้าชู้ตามอารมณ์
จุดด้อย : ขี้เกรงใจ บางทีก็กล้าๆ กลัวๆ เวลาทำ อะไรกว่าจะตัดสินใจได้ คนอื่นก็คว้าไปกินซะแล้ว ขาดความเป็นตัวของตัวเอง

วันศุกร์
จุดเด่น : เป็นสุภาพบุรุษ พูดจาไพเราะเพาะหู รู้ กาลเทศะ มีความนุ่มนวล มารยาทดี จิตใจดี ชอบที่ จะช่วยเหลือคนอื่น ไม่ชอบพึ่งใคร ชอบยืนและต่อสู้ ด้วยลำแข้งของตัวเอง รักสวยรักงาม
จุดด้อย : เพราะจู้จี้ขี้บ่นจนเกินไป ยิ่งเวลาโกรธงี้ เลือดขึ้นหน้าสุดๆ เค้าก็จะร้ายสุดๆ ปากงี้คมยิ่งกว่า กรรไกรซะอีก

วันเสาร์
จุดเด่น : มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง ชอบช่วย เหลือคนอื่น แต่เวลาที่ตนเองมีอะไรเดือดร้อน จะไม่ ขอความช่วยเหลือจากใคร เป็นคนรักเกียรติ รักศักดิ์ศรี ชอบความเสี่ยงท้าทาย รักอิสระ
จุดด้อย : มุทะลุดุเดือด อาฆาต พยาบาท เล่ห์ เหลี่ยมเยอะ ปากไว มีใจนักเลง ขี้หึง ต่อปากต่อคำเก่ง ตอนเค้าโกรธ กรุณาอยู่ให้ห่างรัศมีเข้าไว้ จะ ปลอดภัยที่สุด

วันอาทิตย์
จุดเด่น : รักอิสระ ไม่ชอบการผูกมัด รักเพื่อนพ้อง เป็นคนฉลาดรอบรู้ทันคน มีความคิดเป็น ของตัวเอง เป็นตัวของตัวเอง และชอบทำอะไรด้วย ตัวเอง พูดจาดี คารมณ์ดี มีเสน่ห์ที่คำพูด
จุดด้อย : คนธาตุไฟอย่างลองอยากได้อะไรแล้ว ก็ต้องเอาให้ได้ เจ้าชู้ ชอบเสี่ยง ใครท้า อะไร รับคำท้าหมด ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ ไม่ชอบง้อ ใคร ไม่ชอบผูกมัด

ทายนิสัยจากสีที่ชอบ



 สีฟ้า[ BLUE ]   เป็นสีที่แสดงออกถึงความสบายตา  สบายใจ  ใครที่ชอบสีนี้เป็น คน SENSITIVE มาก ดูจากภายนอกจะเป็นคนสุขุม แต่ภายในแล้วกลับเป็นคนที่มีจิตใจหวั่นไหว ในเรื่องของความรัก ก็เป็นคนที่ชอบทำอารมณ์โรแมนติก  รักเดียวใจเดียว และก็โกรธง่ายหายเร็ว

สีขาว  [WHITE ]  เป็นสีที่บ่งบอกถึงความบริสุทธิ์   อ่อนโยน  คนไหนที่โปรดปรานสีนี้เป็นคนเรียบร้อย   มีความมั่นใจในตัวเองสูง  ในมุมมองของความรัก เป็นคนที่   มีความเป็นแม่บ้านสูง  ความสะอาดสะอ้าน  อาหารการกินเป็นสิ่งที่ชอบทำมากที่สุด

สีแดง [RED ]  เป็นสีที่บ่งบอกถึงความร้อนแรง SENSITIVE  มีความเชื่อมั่น  ในตัวเองมาก ใจร้อน  ก้าวร้าว  และเปิดเผย  เพราะเป็นสีที่แสดงออกถึงความตื่นตัวกระปรี้กระเปร่าอยู่ตลอดเวลา  ในเรื่องของความรักจึงเป็นคนเปิดเผย  จริงใจกับคนอย่างรักเต็มที่

สีเขียว [GREEN]  เป็นสีที่บ่งบอกถึงความสงบ  เยือกเย็น  คนที่ชอบสีนี้จึงเป็น คนใจดี ใจเย็น  ใจกว้าง  รักความยุติธรรม ไม่ชอบเรื่องทะเลาะวิวาท มีสติปัญญาดี  ส่วนในเรื่องของความรักเป็นคนที่ไม่ค่อยมีอารมณ์โรแมนติกเท่าไหร่  จะรักแบบซื่อๆ  ไม่หวือหวา  ไม่สวีทเท่าที่ควร  แต่ว่ารักใครแล้วรักจริงเปลี่ยนแปลงยาก WOW!


สีชมพู  [PINK ]  เป็นสีที่บ่งบอกถึงความอ่อนโยน  อบอุ่น  คนที่ชอบสีนี้จึงเป็นคนที่เต็มไปด้วยอารมณ์โรแมนติก มีเสน่ห์ ฉลาด รอบรู้ ทันคน  รักอิสระ ในเรื่องของความรักก็เช่นเดียวกัน จะเอาใจใส่เทคแคร์คนรักเป็นอย่างดีที่สุด  จึงเป็นคนเปิดเผยมีความจริงใจกับคนรักอย่างเต็มที่

สีเหลือง [ YELLOW] เป็นสีที่สื่อถึงความมีชีวิตชีวา  แจ่มใส  คนที่ชอบสีนี้สื่อได้ว่าเป็นคนร่าเริง สดใส  ชอบค้นหาอะไรใหม่ๆ ชอบการเปลี่ยนแปลง  เพราะฉะนั้น เรื่องความรักถ้าไม่แน่ใจจริงๆ ก็จะไม่ตกลงใจรับใครมาเป็นหวานใจ  จนกว่าจะพิสูจน์ความเป็นเค้าให้ถ่องแท้แต่ก็มองโลกในแง่ดี และเชื่อใจคนง่าย

สีม่วง [PURPLE ] เป็นสีที่บ่งบอกความเศร้า เหงา  แต่แฝงไว้ด้วยความคิดริเริ่มสร้างสรรค์  เพราะสีนี้บ่งบอกถึงคนที่เป็นได้ 2 อารมณ์  ในเวลาใกล้เคียงกันหรือ เวลาเดียวกัน ทั้งหัวโบราณยึดมั่นในขนบธรรมเนียม  และในขณะเดียวกันก็เป็นคนชอบสังเกต  มีปัญญา  เฉลียวฉลาด  รวมถึงเรื่องของความรักด้วย

 สีดำ  [BLACK  ]  เป็นสีที่บ่งบอกของความลึกลับ ปิดบัง  ซ่อนเร้น  คนที่ชอบสีนี้จะเต็มไปด้วยอารมณ์ลึกลับ ยากที่จะเดาความรู้สึกได้  น่าค้นหา  แฝงไว้ด้วยความSEXY!!  บุคลิกมาดมั่นและมั่นคง  แต่บางเรื่องที่ต้องตัดสินใจคนเดียวกลับลังเล เรื่องความรักก็จะชอบคนที่มีฐานะดีกว่า  ดูสูงศักดิ์กว่า  ถ้าเป็นเรื่องเรียน เรื่องงานก็จะชอบคนที่เรียนเก่งกว่า  ทำงานเก่งกว่า

สีส้ม [ORANGE] เป็นสีที่บ่งบอกถึงความรักเพื่อน  รักธรรมชาติ  มีความคิดสร้างสรรค์ แปลก  แหวกแนว  มุ่งมั่นและทะเยอทะยาน   เพราะสีส้มจะให้ความรู้สึก  ที่สดใส ตื่นตัว  มุมมองความรักของคนที่ชอบสีนี้  จึงมักมีอะไรมาเซอร์ไพรส์   หวานใจบ่อยๆ  และยังเป็นคนเปิดเผยอีกด้วย

สีน้ำเงิน [ DARK BLUE  ] เป็นสีที่บ่งบอกความลึกลับ และมั่นคง คนชอบสีนี้เป็นคนที่มีรสนิยมหรู  หยิ่งในศักดิ์ศรี  มีกาลเทศะ บางครั้งก็ยากที่จะเดาใจถูก  เรื่องความรักจะชอบคนที่มีพร้อมในทุกอย่างเช่น ฐานะ หน้าตา ชื่อเสียง เห็นเลือกมากอย่างงี้..... ก็มีรักเดียวใจเดียวเหมือนกัน

 
สีน้ำตาล [ BROWN ]  เป็นสีที่สื่อถึงความหรูหรา  มีรสนิยม  คนที่ชอบสีนี้ จึงเป็นคนชอบแต่งตัว เพื่อให้ตัวเองดูดีในสายตาคนอื่น  แต่ภายในค่อนข้างติดดิน  มั่นคง  รอบคอบ  มีพลังในการต่อสู้  เวลารักใครจึงมักจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้เค้ารักตอบ  ชอบความสวยงามและถือเรื่องครอบครัวเป็นเรื่องใหญ่

 สีเทา [ GRAY ]  เป็นสีที่แสดงออกถึงความเป็นกลาง ความยุติธรรม และการเอาใจใส่ คนที่ชอบสีนี้จึงเป็นคนที่ชอบดูแล  ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่นได้ดี  ใจเย็นรอบคอบ เวลาจะพูดอะไรก็จะไตร่ตรองก่อน  จึงเป็นคนที่มีเสน่ห์ในการพูด มักได้รับความเชื่อถือจากคนรอบข้าง  เวลามีความรักจะสามารถเอาใจใส่  TAKE CARE  คนรักได้เป็นอย่างดี  แต่จะไม่ชอบตีกรอบให้คนรักให้เป็นไปตามที่ตัวเองต้องการ เพราะคนที่ชอบสีนี้ค่อนข้างรักสันโดษ 

ทายนิสัยจากการยิ้ม

ทายนิสัยจากการยิ้ม 

Hosted by Tinypic.com**ยิ้มกว้างเปิดเผย**การยิ้มที่สามารถมองเห็นฟันของคนยิ้มได้อย่างชัดเจน นิสัยใจคอของคนที่มีกิริยาอาการยิ้มแบบนี้ บ่งบอกถึง การเป็นคนกระตือรือร้นอยู่เสมอ ทั้งยังเป็นคนที่ชอบแสดงออกเอามากๆ หากได้รับการมอบหมายให้ทำการใดๆในกลุ่มคนจำนวนมาก ก็จะสามารถทำได้ดี โดยไม่มีอาการเก้อเขินหรือเอียงอายใดๆทั้งสิ้น และยังคบหากับคนทั่วไปได้โดยง่าย นอกจากนี้ ยังเป็นคนที่ชื่นชอบการแต่งตัวมาก มักเสียเงินไปกับเรื่องนี้ทีละมากๆ โดยไม่เสียดายเลย
Hosted by Tinypic.com**ยิ้มเม้มปาก**การยิ้มลักษณะนี้ จะไม่เห็นฟันของคนยิ้ม มีเพียงรูปปากที่แย้มออกเท่านั้น ที่บอกว่าเขากำลังยิ้มอยู่ สำหรับอุปนิสัยของคนที่มีการยิ้มแบบนี้นั้น ออกจะเป็นคนที่มีการระมัดระวังตัวสูงอยู่สักหน่อย แถมยังมีโลกส่วนตัวมากๆอีกด้วย ชอบที่จะอยู่คนเดียวมากกว่า จึงมีน้อยคนที่จะสามารถเข้าหา จนถึงขั้นสนิทสนมด้วยได้ นอกจากนี้ ยังมีความที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง รักสันโดษ ชอบใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ อย่างเช่น ชนบท มากกว่าในเมืองใหญ่

Hosted by Tinypic.com**ยิ้มปุ๊บปั๊บ**
คนที่มีลักษณะการยิ้มแบบเร็วๆ แล้วหุบยิ้มเสีย จะว่าไปก็คือ การยิ้มที่ไม่ได้ออกมาจากใจจริงซักเท่าไร แต่เป็นการยิ้มตามมารยาทมากกว่า ส่วนลักษณะนิสัยของคนที่มีการยิ้มเช่นนี้ บ่งบอกถึง การเป็นคนที่มีพลัง กระฉับกระเฉงอยู่ตลอดเวลา และจะตื่นเต้นได้ง่ายกับสิ่งเร้าใจที่แปลกๆใหม่ๆ แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะเป็นคนที่สับสนได้ง่ายกับสิ่งที่คลุมเครือ เพราะจะเป็นคนที่ค่อนข้างใจร้อน และชอบในความชัดเจนมากกว่ายิ้มยั่วยวน
Hosted by Tinypic.com**ยิ้มยั่วยวน**ยิ้มแบบยั่วยวนนั้น ส่วนใหญ่มักจะเห็นในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในนิตยสารแฟชั่นต่างๆ แต่รอยยิ้มของเหล่านางแบบนั้น อาจเสแสร้งทำขึ้นมา เพื่อความเหมาะสมกับท่าทางและเสื้อผ้า แต่ทว่าสำหรับคนที่มีรอยยิ้มเช่นนี้อย่างแท้จริงนั้น นิสัยมักจะเป็นคนที่ชอบจนถึงกับขั้นหลงไหลในเรื่องความรักเป็นพิเศษ และยังชอบเพ้อฝันกับเรื่องสวยๆงามๆ มากกว่าที่จะสนใจความเป็นจริงของชีวิต จึงมักมีความสามารถสูง ในเรื่องเกี่ยวกับความสวยงาม หรือ ศิลปะ
Hosted by Tinypic.com**ยิ้มมุมปาก**ลักษณะการยิ้ม ที่เป็นเพียงแค่กระตุกมุมปากเสียหน่อย เหมือนไม่ค่อยเต็มใจจะยิ้มสักเท่าไหร่นั้น บ่งบอกถึงอุปนิสัยที่เป็นคนค่อนข้างเข้าใจยากทีเดียว เพราะมักจะมีความซับซ้อนในตัวเองสูง อารมณ์แปรเปลี่ยนรวดเร็ว แต่ว่าก็จะเป็นคนที่มีความคิดลึกซึ้งคมคาย เพียงแต่อาจแปลกและแตกต่างจากคนทั่วไปมาก จนบางที คนอื่นถึงกับตามไม่ทัน นอกจากนี้ ยังมีความสามารถในการเป็นนักจิตวิทยา ที่พูดจาปลุกเร้าผู้คนจำนวนมากได้ไม่ยากเลย
Hosted by Tinypic.com**ยิ้มตาหยี**สำหรับคนที่เวลายิ้มแล้ว ตามักจะหยีหรือย่นนั้น บ่งบอกถึงนิสัยของการเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเอามากๆ เพราะถึงแม้จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างไร ก็จะสามารถหัวเราะได้อย่างน่าแปลกใจทีเดียว นอกจากนี้ ยังบ่งบอกถึง การเป็นบุคคลที่มีอารมณ์ขัน ชอบทำให้คนรอบข้างยิ้มแย้มอยู่เสมอ และยังเป็นคนที่สามารถนำประสบการณ์ของตน มาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้อย่างมีคุณค่าแทบทุกเรื่อง เรียกว่า ไม่มีวันเสียหล่ะ ที่จะปล่อยให้ประสบการณ์ไร้ประโยชน์

Hosted by Tinypic.com**ยิ้มเยือกเย็น**
สำหรับบุคคลที่มีรอยยิ้มเยือกเย็นนี้ คงไม่ต้องอธิบายอะไรมากหรอกนะ เพราะเพียงแค่ยิ้มออกไป คนที่มองรู้สึกได้ไม่ยาก ถึงความเย็นจากรอยยิ้มนั้น ส่วนอุปนิสัยของคนที่มีรอยยิ้มเช่นนี้ ก็มักจะเป็นคนที่มีบุคลิกน่าเชื่อถือ และไว้วางใจให้เห็นเป็นอันดับแรก แต่ลึกๆลงไปข้างใน จะเป็นคนที่ไม่เชื่อมั่นในตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อทีเดียว ทั้งยังเป็นคนที่ซื่อเอามากๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมซับซ้อนกับใครเขาเลย และมีความเป็นนักประนีประนอมสูงอีกด้วย

ศาสตร์ของการยิ้ม


1. ยิ้มจริงใจ คือ ยิ้มที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรู้สึกที่ดีงาม ยิ้มจริงใจเป็นการแสดงความรู้สึกทางด้านบวกอย่างแท้จริงจะปรากฎขึ้น หลังจากได้รับรู้สภาวะของอารมณ์ซึ่งรวมทั้งความยินดีจากสิ่งกระตุ้น ทางตา หู จมูก ลิ้น การสัมผัส อย่างรักใคร่ก็สามารถเรียกรอยยิ้ม อย่างจริงใจออกมาได้ รอยยิ้มอย่างจริงใจนี้สามารถเกิดขึ้นได้ เมื่อหายจากเจ็บปวดจากแรงกดดันที่อึดอัดได้เหมือนกัน

ยิ้มอย่างจริงใจนี้ นอกจากจะใช้กล้ามเนื้อยิ้มตามปกติคือ กล้ามเนื้อขากรรไกรแล้ว ยังใช้กล้ามเนื้อรอบดวงตาอีกด้วย ผลของการยิ้มจริงใจทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมน "ความสุข" (เอนเดอร์ฟิน) ออกมา ซึ่งฮอร์โมนนี้จะไปออกฤทธิ์ทำให้ม่านตาขยายตัว และตามีประกายของความสุขที่เราเรียกว่า "ตายิ้ม" ซึ่งตานี้เองจะแสดงออกถึงความรัก ความเป็นมิตรและความอบอุ่น

2. ยิ้มเสแสร้ง ก็คือรอยยิ้มที่ประดิษฐ์ขึ้น โดยเจตนาจะทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดทำให้ผู้อื่นคิดว่า เรารู้สึกว่าอย่างนั้นจริงๆ ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ ยิ้มเสแสร้ง คือ การเจตนาที่จะพยายามกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกในด้านดี ยิ้มเสแสร้งจะปรากฏบนใบหน้านานกว่ายิ้มจริงใจ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคจิตหลายคนเห็นว่า การหัวเราะเป็นตัวการที่จะปลดปล่อยความตึงเครียด หรือความตื่นเต้นที่มีมากจนเกินไป การหัวเราะช่วยปรับความสมดุล ให้อยู่ในสภาวะปกติ แม้ว่าจริงๆ แล้วมันอาจจะไม่ตลกเลยก็ตาม เหตุผลที่เราชอบหัวเราะอีกอย่างหนึ่งก็เพราะ เวลาหัวเราะเราต้องยิ้มก่อนและใบหน้าที่มีรอยยิ้ม ย่อมน่าดูกว่าใบหน้าบึ้งตึงดุร้าย การหัวเราะจึงเป็นอีกขั้นหนึ่ง ของการยิ้มนั่นเอง คุณสามารถยิ้มไปโดยไม่ต้องหัวเราะ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะหัวเราะโดยไม่ยิ้ม

คนที่สามารถยิ้มและหัวเราะอย่างจริงใจก็เหมือนกับกำลังพูดว่า "ฉันไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรนะ ฉันเป็นมิตรนะ ฉันอยู่ข้างเธอนะ" คนที่สามารถยิ้มและหัวเราะในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายจริงๆ นั้นก็คือ คนที่เป็นอัจฉริยะโดยแท้ เพราะเท่ากับเขากำลังพูดว่า "ฉันไม่กลัวหรอก"

3. ยิ้มเศร้า มนุษย์เราเป็นทุกข์เพราะเราทำตัวเองเป็นทุกข์ และเรายังทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์อีกด้วย คนที่หัวเราะมากๆ จะมีชีวิตยืนนาน คนที่มีความสุขจะมีอายุยืนกว่าคนที่อมทุกข์ การที่จะให้มีสุขภาพดีอยู่เสมอ จำเป็นจะต้องมีการแบ่งปัน คนที่รู้จักหัวเราะ ก็คือ คนที่รู้จักแบ่งปันนั่นเอง

มารยาทไทย>>การกราบ


การกราบ (อภิวาทเป็นการแสดงความเคารพด้วย วิธีนั่งประนมมือขึ้นเสมอหน้าผากแล้วน้อมศีรษะ ลงจรดพื้นหรือจรดมือ ณ ที่ใดที่หนึ่ง แล้วน้อมศีรษะลงบนมือนั้น เช่น กราบลงบน ตักก็อนุโลมถือว่าเป็นกราบ ถ้าหมอบแล้วน้อม ศีรษะจรดมือที่ประนมถึงพื้นเรียกว่า หมอบกราบ การกราบมี ลักษณะ คือ การกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ และการกราบผู้ใหญ่
3.1 การกราบแบญ จางคประดิษฐ์ ใช้กราบพระรัตนตรัย ได้แก่ พระพุทธ พระ ธรรม พระสงฆ์ การกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ หมายถึง การ ที่ให้อวัยวะทั้ง คือ เข่าทั้ง มือทั้ง และหน้าผากจรดพื้น การกราบจะมี จังหวะ และจะต้องนั่งอยู่ในท่าเตรียมกราบ
ท่าเตรียมกราบ
ชาย นั่งคุกเข่าปลายเท้าตั้ง นั่ง บนส้นเท้า มือทั้งสองวางบนหน้าขาทั้ง สองข้าง (ท่าเทพบุตร)
หญิง นั่งคุกเข่าปลาย เท้าราบ นั่งบนส้นเท้า มือทั้งสองวางบน หน้าขาทั้งสองข้าง (ท่าเทพธิดา)
จังหวะ ที่ 1 อัญชลียกมือขึ้นประนมระหว่างอก ปลายนิ้วชิดกันตั้งขึ้นแนบตัวไม่กางศอก
จังหวะที่ 2 (วันนายกมือขึ้น พร้อมกับก้มศีรษะ โดยให้ปลายนิ้วชี้จรดหน้า ผาก
จังหวะที่ 3 (อภิวาททอดมือลง กราบ ให้มือและแขนทั้งสองข้างลงพร้อมกัน มือคว่ำห่างกันเล็กน้อยพอให้หน้าผากจรด พื้นระหว่างมือได้
ชาย ให้กางศอกทั้งสอง ข้างลง ต่อจากเข่าขนานไปกับพื้น หลังไม่ โก่ง
หญิง ให้ศอกทั้งสองข้างคร่อมเข่าเล็ก น้อย
ทำสามจังหวะให้ครบสามครั้ง แล้วยก มือขึ้นจบโดยให้ปลายนิ้วชี้จรดหน้าผาก แล้วปล่อยมือลง การกราบไม่ควรให้ช้าหรือ เร็วเกินไป
3.2 การกราบผู้ใหญ่ ใช้ กราบผู้ใหญ่ที่มีอาวุโส รวมทั้งผู้มีพระ คุณได้แก่ พ่อ แม่ ครูอาจารย์ และผู้ที่เรา เคารพ กราบเพียงครั้งเดียว โดยที่ผู้กราบทั้งชาย และหญิงนั่งพับเพียบ ทอดมือทั้งสองข้างลง พร้อมกัน ให้แขนทั้งสองคร่อมเข่าที่อยู่ด้าน ล่างเพียงเข่าเดียว มือประนม ค้อมตัวลงให้หน้า ผากแตะส่วนบนของมือที่ประนม ในขณะกราบ ไม่ควรกระดกนิ้วหัวแม่มือขึ้นรับหน้าผาก

มารยาทไทย>>การไหว้


ไหว้ (วันทนา ) การไหว้เป็นการแสดงความเคารพโดยการประนม มือให้นิ้วชิดกันยกขึ้นไหว้ การไหว้แบบ ไทยแบ่งออกเป็น แบบ ตามระดับของบุคคล ดัง นี้
ระดับที่ 1 การไหว้พระ ได้แก่ การ ไหว้พระรัตนตรัยรวมทั้งปูชนียวัตถุและปูชนีย สถานที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ในกรณีที่ไม่ สามารถกราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ได้ โดยประนมมือให้ปลาย นิ้วชี้จรดส่วนบนของหน้าผาก
ชาย ยืน แล้วค้อมตัวลงให้ต่ำพร้อมกับยกมือขึ้น ไหว้
หญิง ยืนแล้วย่อเข่าลงให้ต่ำโดย ถอยเท้าข้างใดข้างหนึ่งตามถนัด พร้อมยกมือ ขึ้นไหว้
ระดับที่ การไหว้ผู้มีพระ คุณและผู้มีอาวุโส ได้แก่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ครู อาจารย์ และผู้ที่เราเคารพนับถือ อย่างสูง โดยประนมมือให้ปลายนิ้วชี้จรดระหว่าง คิ้ว
ชาย ยืนแล้วค้อมตัวลงน้อยกว่าระดับ การไหว้พระ พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้
หญิง ยืนแล้วย่อเข่าลงน้อยกว่าระดับการไหว้พระ โดยถอยเท้าข้างใดข้างหนึ่งพร้อมกับยกมือ ขึ้นไหว้
ระดับที่ 3 การไหว้บุคคลทั่ว ๆ ไปที่เคารพนับถือหรือผู้มีอาวุโส รวมทั้ง ผู้ที่เสมอกันโดยประนมมือยกขึ้นให้ปลาย นิ้วจรดปลายจมูก
ชาย ยืนแล้วค้อมตัวลง น้อยกว่าระดับการไหว้ผู้มีพระคุณ พร้อมกับ ยกมือขึ้นไหว้
หญิง ยืนแล้วย่อเข่าลง น้อยกว่าระดับการไหว้ผู้มีพระคุณ โดยถอย เท้าข้างใดข้างหนึ่งเล็กน้อย พร้อมกับยกมือ ขึ้นไหว้
ในการไหว้ผู้เสมอกันทั้งชาย และหญิงให้ยกมือขึ้นไหว้พร้อมกัน หรือใน เวลาใกล้เคียงกัน ในกรณีที่ทำพร้อมกันเป็น หมู่คณะ ควรจะนัดหมายให้ทำอย่างเดียวกัน
การไหว้ตามมารยาทไทยเช่นนี้ ปฏิบัติให้เรียบ ร้อยนุ่มนวลด้วยความสำรวมจึงจะดูงาม 

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2555

10 ตุ๊กตายอดนิยมของสาว ๆ

10 ตุ๊กตายอดนิยมของสาว ๆ

Barbie Go Red For Women Doll      



1. Barbie

        บุคคลที่เป็นผู้คิดค้นตุ๊กตา 'บาร์บี้' มีชื่อว่า 'รูธ แฮนเลอร์' ประธานบริษัทเมดเทล ผู้จัดจำหน่ายของเล่นชื่อดังแห่งแดนลุงแซม เจ้าของลิขสิทธิ์ตุ๊กตา 'บาร์บี้' นั่นเอง 'แฮนเลอร์' ได้รับแรงบัลดาลใที่จะประดิษฐ์ตุ๊กตาบาร์บี้ หลังจากเธอสังเกตเห็นว่า 'บาร์บารา' ลูกสาวของเธอชอบเล่นตุ๊กตากระดาษที่มีลักษณะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าที่เป็นเด็ก จึงทำให้เธอเกิดไอเดียขึ้นมาว่าอยากจะผลิตตุ๊กตาพลาสติกที่มีรูปโฉมเป็นผู้ใหญ่ออกวางขาย ทว่าในตอนแรกคนรอบกายของเธอไม่เห็นด้วย

        ต่อมาเมื่อ 'แฮนเลอร์' มีฮดกาสได้เดินทางไปท่องเที่ยวในยุโรปในปี 1956 เธอก็ไปสะดุดตากันตุ๊กตา 'ไบลด์ ลิลลี่' ของเยอรมนี (ตุ๊กตารูปหญิงสาววัยทำงานที่วางจำหน่ายครั้งแรกในเยอรมนีปี 1955 โดยเป้าหมายทางการตลาดในตอนแรกต้องการเจาะกลุ่มผู้ใหญ่ แต่กลับได้รับความนิยมในหมู่เด็กๆ มากกว่า) ซึ่งวางขายอยู่ในร้านขายของของสวิตเซอร์แลนด์ และได้ซื้อกลับบ้านมา 3 ตัว โดยที่ตัวหนึ่งให้ลูกสาว ส่วนที่เหลือนำมาเป็นต้นแบในการผลิตตุ๊กตา 'บาร์บี้'

        จากนั้น 'แฮนเลอร์' ก็ได้ดัดแปลงเปลี่ยนโฉมตุ๊กตาลิลลี่ใหม่หมด พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่า 'บาร์บี้' ตามชื่อลูกสาวเธอ ก่อนที่จะนำไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในงานมหกรรมของเล่นของมหานครนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 1959 ซึ่งถือเป็นวันเกิดของ 'บาร์บี้' ด้วย นับนิ้วดูตอนนี้ 'บาร์บี้' อายุ 50 ปีแล้ว และเพิ่งจัดงานฉลองอย่างยิ่งใหญ่ไปเมื่อเร็ว ๆ นี้






2. Teddy Bear
        'เท็ดดี้แบร์' นั้นเป็นหมีน้อยน่ารักน่ากอด ที่คาดว่าสาว ๆ น่าจะมีเก็บไว้บนเตียงนะคะ โดยเรื่องเล่าเกี่ยวกับต้นกำเนิดของ 'เท็ดดี้แบร์' จาก 2 แหล่งคือเยอรมนี และสหรัฐอเมริกา ในเวลาที่ใกล้เคียงกัน คือประมาณปี ค.ศ. 1902 โดยเรื่องเล่าของชาวเยอรมันนั้นก็คือ ในปี ค.ศ. 1902 'Richard Steif' ซึงเป็นนักออกแบบของเล่นของโรงงานทำของเล่นของครอบครัวเขาเอง ได้เดินทางไปดูการแสดงละครสัตว์ที่อเมริกาเพื่อหาไอเดียในการออกแบบของเล่นชิ้นใหม่ และเขาก็เกิดความคิดในการนำเอาหมีในคณะละครสัตว์มาเป็นแบบในการผลิตตุ๊กตาหมี ตุ๊กตาหมีที่เขาออกแบบจะมีข้อต่อตามจุดต่าง ๆ ได้แก่ คอ แขน และขา ทำให้เราสามารถเปลี่ยนอิริยาบถของมันได้เหมือนหมีจริง ซึ่งต่างจากตุ๊กตาหมีที่มีอยู่ในขณะนั้น

        หลังจากนั้น 'Richard Steif' ได้นำตุ๊กตาหมีที่เขาออกแบบไปแสดงในงานแสดงสินค้าที่ Leipzig ในปี ค.ศ. 1903 แต่เขาก็ต้องผิดหวังที่ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจตุ๊กตาหมีของเขาเลย จนกระทั่งในขณะที่เขากำลังเก็บของในวันสุดท้ายของงานแสดงสินค้า ผู้ชมงานชาวอเมริกันคนหนึ่งได้เข้ามาหยิบดูตุ๊กตาหมีของเขา และสั่งซื้อในปริมาณมาก และนี่คือต้นกำเนิดที่ทำให้ตุ๊กตาหมีที่เขาอกแบบแพร่หลายไปยังประเทศอื่น ๆ ค่ะ




        
   



3. Hello Kity

        'คิตตี้' นั้นเกิดในปี ค.ศ. 1974 อกกแบบโดย Ms. Shimizu Yuuko' ชื่อของ 'คิตตี้' นั้นมากจากชื่อแมวในเรื่อง 'Through the Looking-Glass: And What Alice Found There' ซึ่งเป็นหนังสือในซีร่ีส์เรื่อง 'อลิสในดินแดนมหัศจรรย์' ตัวการ์ตูน 'คิตตี้' จะเป็นแนวเส้นเรียบๆ ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจาก 'สนูปปี้' ซึ่งเป็นที่รู้จักันดีในสมัยนั้น แต่สนูปปี้เป็นเด็กผู้ชายที่ซุกซน เธอเลยตั้งใจออกแบบให้ 'คิตตี้' เป็นเด็กผู้หญิงที่เงียบๆ เรียบร้อยแทน ถึงไม่พูดอะไรแต่สามารถสื่อสารถึงอารมณ์ได้ ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คนรัก 'คิตตี้' เนื่องจากหน้าตา 'คิตตี้' ไม่แสดงถึงอารมณ์ใดๆ ทำให้เจ้าของสามารถจินตนาการได้ด้วยตัวเอง พอรู้สึกร่าเริงก็รู้สึกว่ามันยิ้มไปกับเรา แต่พอรู้สึกเศร้าก็จะเห็นว่ามันเศร้าไปด้วยทำให้เกิดความผูกพันรู้สึกว่าอยู่กับ 'คิตตี้' แล้วอบอุ่น และเป็นตุ๊กตาที่ใครๆ ก็หลงรักค่ะ




blythe3.jpg image by femmemy




4. Blythe
        'น้องบลายธ์' ตุ๊กตาตาโตสุดเปรี้ยวที่ตอนนี้กำลังฮิตระเบิดระเบ้อในบ้านเรานั้น มีประวัติดังนี้ค่ะ โดย 'Blythe' อ่านออกเสียงว่า 'Blahyth' หรือ 'Blind' (บลายธ์) เธอคือตุ๊กตาวินเทจเจ้าเสน่ห์ที่ถูกออกแบบให้ถือกำเนิดขึ้นในปี 2515 (ค.ศ.1972) โดยโรงงานผลิตของเล่นในสหรัฐอเมริกานามว่า 'เค็นเนอร์' (Kenner) ค่ะ ซึ่งสาว 'Blythe' ปรากฏตัวครั้งแรกพร้อมกับทรงผมยอดฮิตในยุค 70s ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี 4 แบบ พร้อมด้วยแฟชั่นเครื่องแต่งกายสไตล์วินเทจที่มีให้ Mix & Match กว่า 12 ชุด โมเดลตุ๊กตาทั้ง 4 แบบ ชื่อ 'Blythe', 'Karess', 'Willow' และ 'Skye' จึงถูกคิดค้นขึ้นมา แต่ด้วยความที่อยากให้ตุ๊กตา Blythe ล้ำยุคและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร รูปลักษณ์ภายนอกของสาวบลายธ์จึงถูกออกแบบขึ้นมาอย่างโดดเด่น หัวโต ตัวผอม ความสูง 11.5 นิ้ว มีดวงตากลมโตเท่าไข่ห่านที่หลับได้เปิดได้ แถมเวลาเปิดเปลือกตาแต่ละครั้ง เธอสามารถเปลี่ยนสีดวงตาได้ถึง 4 สี คือ เขียว, ชมพู, ส้ม และน้ำเงิน

        หลังจากที่ 'Hasbro' (ผู้สืบทอดกิจการจาก 'Kenner') ได้มอบลิขสิทธิ์การผลิตตุ๊กตาให้กับบริษัท Takara ประเทศญี่ปุ่น 'Blythe' ก็เริ่มเป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่น จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณา TV ให้กับห้างสรพสินค้าชื่อดังอย่าง Parco และเพียงชั่วข้ามคืนมันก็กลายเป็นตุ๊กตายอดนิยมที่มีราคาสูง บางตัวเหยีบแสนก็มีค่ะ








  5. ตุ๊กตาริกะจัง
   
        'ริกะจัง' (ชื่อเต็มคือ 'ริกะ คายามะ') เป็นตุ๊กตาเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ตัวแรกของญี่ปุ่น ผลิตครั้งแรกในวันท่ 4 เดือนกรกฎาคม 1967 (พ.ศ. 2510) จัดทำและจำหน่ายโดยบริษท Takara โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากตุ๊กตาบาร์บี้ โดยมีรูปร่างและขนาดเล็กกว่าบาร์บี้ เพราะต้องการทำให้เป็นเด็กผู้หญิงญี่ปุ่นวันย 11 ปี ปัจจุบัน 'ริกะจัง' มีการเปลี่ยนบอดี้และหน้าตามาแล้ว 4 รุ่น นอกจากนี้ก็ยังเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบันอีกด้วย










  6. Pullip
    'Pullip' คือตุ๊กตาที่บริษัทเกาหลี Chunsang Chunha ออกแบบแลเะวางขายที่ตลาด JUN Planing ของญี่ปุ่น โดยเริ่มวางขายในปี 2003 และด้วยข้อแตกต่างของหัวขนาดใหญ่ของเธอ (เหมือนได้รับแรงบันดาลใจมาจากตุ๊กตา 'Blythe' ที่เป็นที่นิยม) และร่างกายที่เป็นข้อต่อ นอกจากนี้ 'Pullip' ยังมีกลไกตาที่มีเอกลักษณ์ที่ทำให้ตาของเธอขยับไปมา และการขยิบตาผ่านอุปกรณ์ควบคุมบนด้านหลังของหัว ตุ๊กตาแต่ละตัวมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว และอุปกรณ์ประกอบต่างๆ แตกต่างกัน ซึ่งต่อมาก็มีการ์ดของแต่ละตัวและแท่นสำหรับให้ยืนให้ด้วยค่ะ












   
  7. ตุ๊กตา BJD (Ball-jointed doll)
        หรือที่ย่อมาจาก 'Ball-jointed doll' (BJD) แบ่งง่ายๆ เป็นรุ่นใหญ่ (สูงประมาณ 58 cm. ขึ้นไป) และรุ่นเล็ก (ต่ำกว่า 45 cm.) เป็นตุ๊กตาหน้าตาทันสมัย ที่ตอนนี้กำลังไต่ระดับความนิยมไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ



















  8. Lumi doll
           'Lumi doll' เป็นตุ๊กตาสัญชาติเกาหลี ผลิตโดยบริษัท Lati มีให้เลือกหลายรุ่น หลายแบบ หลายสไตล์ มีลักษณะเป็นตุ๊กตาแก้มป่อง ตากลมโต รูปร่างสมส่วน สีหน้าและแววตาแสดงความรู้สึกบ่งบอกอารมณ์ได้เป็นอย่างดี สามารถตกแต่งได้ทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า หน้า วิกผม รองเท้า และมีเครื่องประดับมากมายให้แต่งตัวตุ๊กตากันได้ไม่เบื่อ เช่น ถุงน่อง รองเท้า หมวก ก็ปรับเปลี่ยนตามแต่ใจเราต้องการ ที่สำคัญสามารถเปลี่ยนสีตาได้มากกว่า 1 สี

           ทั้งนี้ 'Lumi doll' ยังมีฝาแฝดอีกหนึ่งตัวคือ 'Lami doll' โดย 'Lami' และ 'Lumi' มีความแตกต่างกันที่ Lami จะดูออกแนวเข้มแข็งเป็นสาวสปอร์ตเกิร์ล ชอบออกกำลังกาย ดูเป็นสาวร่าเริงสดใส มีเพื่อนเยอะ ในขณะที่ 'Lumi' จะดูบุคลิกเป็นเด็กเงียบๆ เรียบร้อย หน้าตาอ่อนโยน รักสันโดษ ชอบของสวยงาม ออกแนวคุณหนู มีความสามารถทางด้านศิลปะ ชอบสะสมเครื่องประดับ เครื่องสำอาง และของสวยๆ งามๆ เห็นตัวนึงนี่เหยียบหมื่นกันเลยล่ะค่ะ














  9. Dream of Doll
        ตุ๊กตา 'Dream of doll' เป็นตุ๊กตาสุดเท่จากเกาหลีที่มีราคาสูงอยู่ไม่น้อย บางตัวเหยียบแสน ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ตุ๊กตาห้ามพลาดเด็ดขาดเลยจ้า
















 10. Super Dollfie'
     'Super Dollfie' หรือเรียกย่อๆ ว่า 'SD' โดยประวัติคร่าวๆ ของ 'SD' คือ เริ่มตั้งแต่ปี 1999 ซึ่งดังมากๆ ที่ญี่ปุ่น 'SD' เป็นลิขสิทธิ์ของ VOLKS.INC แต่เพียงผู้เดียว เมื่อผลิตออกมา 'Super Dollfie' เป็นที่นิยมมากเพราะมีใบหน้าที่น่ารักแบบการ์ตูน, รูปร่างถูกหลัก anatomy, คุณภาพสูง, สามารถเปลี่ยนวิกผม/ลูกตา, การแต่งหน้า, การเจาะในที่ต่างๆ เช่น หู หรือริมฝีปาก ทำให้เจ้าของสร้างตุ๊กตาที่มีลักษณะตามที่ต้องการได้ และความสนุกอยู่ที่เจ้าของจะตั้งชื่อ สร้างอุปนิสัย และดูแลตุ๊กตาเหล่านี้ราวกับเลี้ยงลูกเลยทีเดียว

10 สถานที่เที่ยวทะเล ยอดนิยมในไทย


10 สถานที่เที่ยวทะเล ยอดนิยมในไทย


เกาะเสม็ด หาดทรายแก้ว
ไประยองต้อง”เกาะเสม็ด”เชื่อได้เลยว่าถ้าพูดถึงจังหวัดระยองขึ้นมา ก็คงจะหนีไม่พ้นที่นี่แน่นอน เกาะเสม็ดแห่งนี้มีตำนานพ่วงท้ายมาด้วย เพราะเชื่อกันว่า”เกาะแก้วพิสดาร”...

เกาะ สมุย
เกาะสมุยเป็นเกาะใหญ่ที่สุดและมีคนอยู่อาศัยมากที่สุดในสุราษฎร์ธานี อยู่ห่างจากศาลากลาง จ.สุราษฎร์ธานี 84 กม. นักท่องเที่ยวรู้จักเกาะสมุยมากกว่าตัวจังหวัดด้วยซ้ำ

หากจะมาเที่ยวท...

หาดหัวหิน
ด้วยเสน่ห์ของหาดหัวหินที่มีหาดทรายขาวสะอาดและกว้างยาวสุดสายตาความยาวของหาดประมาณ 5 กิโลเมตร ชายหาดกว้าง ยาวไปจนจรดเขาตะเกียบ บรรยากาศชวนเล่นน้ำและพักผ่อนตากอากาศมาก บรรยากาศเงียบสงบ ไม่มีถนนเรียบชา...

เกาะช้าง
เกาะช้าง จ.ตราด อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 315 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 2,819 ตารางกิโลเมตร เป็นจังหวัดชายแดนทางภาคตะวันออกของประเทศไทย

นอกจากนี้บริเวณอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง ยังมีเกาะเ...

เกาะทะลุ
เกาะทะลุ เป็นแหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นชั้นดีที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ หากอยู่ชายทะเลในอ่าวบางสะพานไม่ว่าช่วงไหน คือตั้งแต่อ่าวแม่รำพึงจนถึงบางเบิด จะมองเห็นเกาะทะลุซึ่งเป็นเกาะใหญ่อยู่ห่างจา...

วนอุทยานท้าวโกษา (เขากะโหลก)
วนอุทยานท้าวโกษา คนทั่วไปรู้จักกันในชื่อเขากะโหลก เขากะโหลกเป็นภูเขาขนาดย่อม อยู่ริมทะเลบริเวณปลายหาดนเรศวรด้านใต้ มีทิวทัศน์สวยงาม นักท่องเที่ยวนิยมไปพักผ่อนเล่นน้ำกันมาก มีเรือแคนูให้เช่าพ...

วนอุทยานปราณบุรี
วนอุทยานปราณบุรี เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่หลากหลาย มีทั้งเส้นทางศึกษาพรรณไม้ ดูนกในป่าชายเลน ล่องเรือเที่ยวคลอง พักผ่อนใต้ร่มสนชายทะเล เล่นน้ำชายหาด

- มีร้านอาหารและห...

หาดไกลกังวล
หาดไกลกังวล เป็นชายหาดที่สวยงามและมีชื่อเสียงของประจวบคีรีขันธ์ เป็นที่ตั้งของพระราชวังไกลกังวล บริเวณชายหาดบรรยากาศเงียบสงบ มีที่จอดรถกว้างขวางสะดวกสบาย

ที่ตั้งและการเดิน...

หาดทรายน้อย
หาดทรายน้อย เป็นชายหาดเล็กๆ บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับผู้ชื่นชอบชายทะเลที่ไม่พลุกพล่าน หากนักท่องเที่ยวแวะเที่ยวที่เขาเต่า สามารถเดินลงมาจากบริเวณด้านหลังสำนักสงฆ์ถ้ำเขาเต่าได้

อ่าวประจวบ(อ่าวเกาะหลัก)
อ่าวประจวบ(อ่าวเกาะหลัก) ตัวเมืองประจวบฯ มีเสน่ห์ที่เป็นเมืองเล็กๆ อยู่ริมอ่าวประจวบ มีหาดทรายและน้ำทะเลใสสะอาด อ่าวมีลักษณะโค้งเป็นพระจันทร์เสี้ยว ยาว 8 กม.